การทำขนมตะโก้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เมนูนึ่ง ขนมหวานแบบง่ายๆ แป้งหวานๆ กะทิมันๆ ไส้เผือกกรอบๆ เป็น เอกลักษณ์ของขนมตะโก้ เคล็ดลับการทำขนมตะโก้ ต้อง กะทิเนื้อเนียน หอมมัน แป้งชั้นในเหนียวนุ่ม หวาน ตะโก้ เป็น ขนมไทย ชื่อดัง วิธีทำทีละขั้นตอน เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนรักการทำขนม เมนูอาหารไทยยอดนิยมที่รับรองความถูก สูตรตะโก้ และ วิธีทำตะโก้ ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย
ส่วนผสมสำหรับทำขนมตะโก้
- แห้ว หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต้ะ
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- น้ำดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำขนมตะโก้
- ทำน้ำลอยดอกไม้ โดยการเด็ดดอกมะลิ เคล็ดลับต้องเด็ดดอกมะลิตอนกลางคืน ดอกมะลิจะให้ความหอม ให้แช่น้ำดอกมะลิทิ้งไว้ 1 คืน จะได้น้ำเปล่าที่หอมกลิ่นดอกมะลิ
- เตรียมเนื้อแห้ว โดยนำน้ำล้างแห้วให้สะอาด และ หั่นเป้นชิ้นเล็กๆ
- เตรียมเนื้อแป้งตะโก โดย ตั้งหม้อต้มผสม น้ำลอยดอกมะลิ แป้งข้าวจ้าว น้ำตาลทราย
- นำแป้งตะโก้เทลงพิมพ์ใบตอง เทอค่ครึ่งหนี่ง ใส่แห้วลงไป หนึ่งชิ้น นำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาในการนึ่ง 15 นาที เมื่อแป้งเซ็ตตัว ให้นำออกมาพักให้เย็น
- เตรียมน้ำราดกะทิ โดย ต้มหัวกะทิ เกลือ และ แป้งข้าวเจ้า ต้มจนกะทิสุกเหนียว จากนั้นให้เทกะทิลงบนพิมพ์ตะโก้
- รอให้กะทิจับตัวกัน ก็สามารถเสริฟ ขนมตะโก้ ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำตะโก้
- แห้ว ให้เลือกแห้วหัวใหญ่ๆ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนาดพิดีกับพิมพ์ตะโก้ สำหรับแห้วหากต้องการให้อร่อยให้ไปเคี้ยวในน้ำเชื่อม แห้วจะมีรสหวานกรอบ
- กะทิ ต้องใช้หัวกะทิคั้นสด น้ำกะทิคั้นสดๆ จะได้รสชาติของกะทิที่หอมมัน อร่อยเหมาะสำหรับนำมาทำขนม
- แป้งข้าวจ้าว หากใช้แป้งข้าวเจ้าแบบโม่สดๆ จะได้เนื้อแป้งที่หอมอร่อย แบบธรรมชาติ แต่หากใช้แป้งข้าวเจ้าแบบสำเร้จรูป ให้นำแป้งมาแช่น้ำหมักสัก 30 นาที เพื่อให้แป้งอิ่มตัว เวลานำมานึ่งจะไม่เป็นผงแป้งในปาก
- น้ำลอยดอกมะลิ จะทำให้แป้งตะดก้มีความหอม สำหรับน้ำลอบดอกมะลิ หากไม่ใช้น้ำลอยดอกมะลิ ใช้น้ำใบเตยแทนก็ได้ ก็จะได้ความหอมแบบะรรมชาติ
- สำหรับการต้ม ทั้ง กะทิ และ แป้งตะโก้ ให้ทำการกรอง เพื่อเอาสิ่งเจือปนออกทุกครั้ง สิ่งเจือปนจะทำให้อาหารไม่สะอาด เสียอรรถรสในการกิน
- ใบตองสำหรับห่อตะโก้ หากใช้ตอกไม่แทนการใช้ ลวดเย็บได้ จะเป้นการดีมาก เนื่องจาก สมัยใหม่มีเครื่องเย็บทำให้ง่ายต่อการเย็บ แต่ไม่สะอาด ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ให้ใช้เทคนิคด้วยวัตถุดิบแบบะรรมชาติจะดีที่สุด
- สำหรับตะโก้ ให้กินแบบเย็นในอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อน หรือ เย็นเกินไป จะทำให้ได้ขนมหวานที่อร่อยที่สุด
- การผสมแป้งตะโก้ บางสูตรใช้เม็ดสาคูผสมด้วย แต่สำหรับสูตรนี้เราไม่ใส่สาคู เนื่องจากสาคูบางครั้งเราควบคุมให้เม็ดแป้งสุกทุกเม็ดพร้อมกันไม่ได้ทำให้ไม่แนะนำให้เอามาทำ
- สำหรับไส้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแห้ว สามารถเปลี่ยนเป็น เผือก หรือ ข้าวโพดแทนก็ได้ ไม่เสียรสชาติของตะโก้
ที่มา : วิธีการทำขนมตะโก้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น